บทความนี้อ้างอิง
คริสต์ศักราช/คริสต์ทศวรรษ/คริสต์ศตวรรษ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา
วสันตฤดู (
อิตาลี: Primavera) เป็น
จิตรกรรมที่เขียนโดย
ซันโดร บอตตีเชลลี[1]จิตรกรสมัย
เรอเนซองส์คนสำคัญของอิตาลีที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่
หอศิลป์อุฟฟิซิในเมือง
ฟลอเร็นซ์ใน
ประเทศอิตาลีบอตตีเชลลีเขียนภาพ “วสันตฤดู” ราวปี
ค.ศ. 1482 ในปี ค.ศ. 1551
จอร์โจ วาซารีกล่าวถึงภาพนี้ว่าเป็นการประกาศถึงการมาถึงของวสันตฤดู (
อิตาลี: “Primavera”) ที่เป็นภาพที่อยู่ในคฤหาสน์
เมดิชิในคาสเตลโลไม่ไกลจาก “คฤหาสน์เพตราเอีย”
ลอเรนโซ ดิ ปิแอร์ฟรานเชสโค เดอ เมดิชิ (Lorenzo di Pierfrancesco de' Medici) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของ
ลอเรนโซ เดอ เมดิชิซื้อคฤหาสน์นี้ในปี ค.ศ. 1477 ซึ่งทำให้สรุปว่าภาพ “วสันตฤดู” เป็นภาพที่เขียนให้ปิแอร์ฟรานเชสโคเมื่อมีอายุ 14 ปีเมื่อซื้อคฤหาสน์ จากการสำรวจทรัพย์สินของปิแอร์ฟรานเชสโคและน้องชาย
จิโอวานนิ (Giovanni il Popolano) ในปี ค.ศ. 1499 กล่าวถึง ภาพ “วสันตฤดู” ว่าตั้งแสดงอยู่ที่วังในเมืองฟลอเรนซ์ในห้องรอที่ติดกับห้องของปิแอร์ฟรานเชสโคภาพเขียนขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่ง แต่ภาพ “วสันตฤดู” เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงการเขียนรูปสัญลักษณ์คลาสสิกและการวางรูปแบบของงานเขียนแบบเรอเนซองส์ ภาพ “วสันตฤดู” เป็นภาพของเทพีวีนัสขนาดเท่าตัวคนยืนกึ่งเปลือยอยู่กลางภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผู้ชมจะเข้าใจความหมายของภาพได้ก็ด้วยการมีความรู้อันลึกซึ้งในวรรณกรรมของยุคเรอเนซองส์และความสามารถในการ
ประสานทัศน์ต่างๆ เข้าด้วยกัน (syncretism) ขณะที่ตัวแบบบางตัวในภาพมาจากแรงบันดาลใจจากประติมากรรมโบราณแต่มิใช่เป็นงานก็อปปีงานโดยตรงแต่เป็นการเขียนแบบตีความหมายตามความคิดของบอตติเชลลี ที่ตัวแบบมีลักษณะเพรียว, รูปทรงที่เป็นแบบอุดมคติอันสูงส่ง และ มีลักษณะการวางท่าแบบราชสำนักของคริสต์ศตวรรษที่ 16 แบบ
แมนเนอริสม์วีนัสยืนอยู่กลางภาพห่างจากตัวแบบอื่นๆ โดยมี
คิวปิดเล็งศรแห่งความรักไปยัง
เทพีชาริทีส (Charites) หรือ “ไตรเทพี” ผู้ที่กำลังเต้นรำอยู่เป็นกลุ่มอยู่ทางด้านซ้ายของภาพ เทพีองค์ไกลไปทางขวาเป็นใบหน้าของ
คาเทอรินา สฟอร์ซา (Caterina Sforza) ที่บอตติเชลลีเขียนเป็นภาพเหมือนต่างหากในภาพ “แคทเธอรินแห่งอเล็กซานเดรีย” สวนของวีนัสผู้เป็นเทพีแห่งความรักได้รับการอารักขาโดย
เทพเมอร์คิวรีผู้กำลังเอื้อมมืออกไปแตะผลไม้ เมอร์คิวรีแต่งตัวด้วยเสื้อสีแดงอย่างหลวมๆ สวมหมวกเหล็กและห้อยดาบที่เป็นการแสดงว่าเป็นผู้อารักขาสวน การเป็นผู้สื่อข่าวจากพระเจ้าก็บอกได้จากรองเท้าที่มีปีกและ
คทางูเดี่ยวที่เมอร์คิวรีใช้ในการแยกงูสองตัวและรักษาความสงบ บอตติเชลลีเขียนภาพงูเป็นมังกรมีปีก จากทางด้านขวา
เซไฟรัสเทพเจ้าแห่งลมพยายามออกมาไล่นิมฟ์
คลอริส ทางซ้ายของคลอริสคือ
เทพีฟลอราเทพีแห่งวสันตฤดูผู้กำลังโปรยดอกไม้ที่อาจจะเป็นภาพของ
ซิโมเนตตา เวสพุชชิ (Simonetta Vespucci) ภาพนี้ได้รับการตีความหมายกันไปต่างๆ ที่รวมทั้งความหมายทางการเมืองว่าความรักคือ
โรม,
ไตรเทพี (three Graces) คือ
ปิซา เนเปิลส์ และ
เจนัว, เมอร์คิวรีคือ
มิลาน, ฟลอราคือ
ฟลอเรนซ์, เมย์คือ
มานตัว, คลอริสและเซพไฟร์คือ
เวนิสและ
โบลซาโน (หรือ
อเร็ซโซและ
ฟอร์ลิ) นอกจากความหมายต่างๆ ที่ว่าแล้วภาพนี้ก็ยังแสดงถึงธรรมชาติของความเป็นมนุษยชาติอย่างลึกซึ้ง เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมร่วมสมัยและเป็นการแสดงออกของเนื้อหาของวรรณกรรมคลาสสิกแหล่งข้อมูลหนึ่งของฉากที่เขียนอาจจะมาจากกวีนิพนธ์ “Fasti” โดย
โอวิด ที่เป็นโคลงที่บรรยายปฏิทินเทศกาลของ
โรมันโบราณ สำหรับเดือนพฤษภาคมฟลอราเล่าว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นนิมฟ์
คลอริสและหายใจออกมาเป็นดอกไม้ พระพายเซพไฟร์หลงใหลในความงามของ
คลอริสก็ติดตามและเอาเป็นภรรยา และประทานสวนที่งดงามที่เป็นสวนแห่งวสันตฤดูตลอดกาลให้ บอตติเชลลีเขียนภาพนี้เป็นสองฉากจากคำบรรยายของโอวิด ฉากแรกเป็นพระพายเซพไฟร์ไล่ตามคลอริสและการแปลงของคลอริสเป็นฟลอรา ที่ทำให้เสื้อผ้าของเทพีทั้งสองค์ที่ดูเหมือนจะไม่เห็นกันถูกโบกไปคนละทาง ฟลอรายืนอยู่ข้างวีนัสโปรยกลีบกุหลาบที่เป็นดอกไม้ของเทพีแห่งความรัก นักเขียนคลาสสิก
ลูเครเชียสบรรยายไว้ในโคลงคำสอนปรัชญา “De Rerum Natura” ที่สรรเสริญเทพีทั้งสององค์ในฉากวสันตฤดูฉากเดียว โคลงนี้บรรยายถึงวีนัส, คิวปิด, เซพไฟร์, ฟลอรา ซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในภาพที่บอตติเชลลีวาด ซึ่งทำให้สันนิษฐานกันว่าโคลงนี้เป็นแหล่งข้อมูลหลักของภาพ
เอิร์นสต์ กอมบริค (Ernst Gombrich) ค้านความสัมพันธ์ระหว่างโคลงของ
ลูเครเชียสกับภาพนี้ว่าเป็นงานของ
ลูเครเชียสเป็นงานที่หนักไปทางปรัชญาที่ไม่น่าจะดึงดูดจิตรกรให้ใช้เป็นแหล่งข้อมูล และสนับสนุนว่า “The Golden Ass” โดย
อพูเลียส (Apuleius) ว่าน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลของภาพมากกว่า ที่เป็นโคลงที่บรรยายภาพเขียนที่หายไปอย่างละเอียด และเป็นงานนี้ก็เป็นที่นิยมใช้เป็นแรงบันดาลใจในบรรดาศิลปินยุคเรอเนซองส์กันมาก โคลงของ
อพูเลียสเป็นสัญลักษณ์ของทางเลือกของวีนัสในฐานะเทพีผู้มีความงามที่สุด ทางเลือกที่นำไปสู่
สงครามเมืองทรอยที่บรรยายโดย
โฮเมอร์ ใน “
อีเลียด” สำหรับ
มาร์ซิลิโอ ฟิชีโนครูของโลเรนโซแล้ววีนัสเป็นสัญลักษณ์ของ “Humanitas” ฉะนั้นภาพเขียนจึงเป็นการเชิญชวนให้เลือกคุณค่าของ
ลัทธิมนุษยนิยมเรอเนสซองซ์แต่
แคทธริน ลินด์สคูกยังเชื่อว่า “วสันตฤดู” เป็นภาพของ
สวนอีเดน จาก “
ไตรภูมิดานเต” โดย
ดานเต จากการตีความหมายนี้บุคคลในภาพจากซ้ายไปขวาก็จะเป็น
อาดัม, คุณธรรมสามประการ,
เบียทริซ พอร์ตินาริ, มาทิลดา,
อีฟ และ
ซาตาน[2]